ชวนคิดกับคุณวิชัย วชิรพงศ์



กูรูพันล้าน  เสี่ยยักษ์  วิชัย  วชิรพงศ์
ไปเจอบท ความจากเว็บเกี่ยวกับการลงทุน  ได้ตีแผ่เรื่องราวของเซียนหุ้นพันล้าน  คือ เสี่ยยักษ์ หรือ คุณวิชัย  วชิรพงศ์  เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง  แม้เสี่ยยักษ์จะร่ำรวยมาจากการเล่นหุ้นไทย ไม่ใช่ Forex แต่แนวคิดที่ได้จากเรื่องราว  และประสบการณ์ของเสี่ยยักษ์ด้านเทคนิค  สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับนักเทรด Forex ได้ไม่น้อยเลย 

เรื่องราวจะน่าสนใจ  และน่าติดตามอย่างไร  อาจจะยาวมากสักหน่อย แต่รับรองคุ้มที่ติดตาม  มาอ่านกันเลยค่ะ

ความ เป็น “สุดยอด” ของนักเล่นหุ้นธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ลงทุนจากเงินทุน 2 ล้านบาท แล้วประสบความสำเร็จจนมีเงินนับ “พันล้านบาท” จาก “ต้นกล้า” ฝ่าแดด…ต้านฝน จนเป็น “ไม้ใหญ่”

กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : การนำเสนอ Story ชีวิต และความสำเร็จของ “เสี่ยยักษ์” วิชัย วชิรพงศ์ ก็เดินทางมาถึง “ปลายทาง” ตามวาระแห่งความพอดี (ฉบับสุดท้าย วันที่ 19 ตุลาคม 2550 วันครบรอบ 20 ปีเต็ม ของเหตุการณ์ Black Monday) ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา รวมทั้งสิ้น 27 ตอน กับอีก 1 บทสรุปของ “สุดยอดวิชา”

1 บทสรุปของ “สุดยอดวิชา”  จาก เสี่ยยักษ์ วิชัย  วชิรพงศ์
จะอยู่รอดต้องเป็นมืออาชีพ
ผม เตรียมที่จะมาพูดตรงข้ามกับคุณศิริวัฒน์เลย คือคุณศิริวัฒน์ บอกว่าอย่าเอาตลาดหุ้นมาเป็นอาชีพ แต่ผมคิดว่าถ้าเราจะอยู่ในตลาดหุ้น เราต้องเป็นมือ อาชีพ เช่น คุณจะเป็นหมอฟันต้องเรียนทันตแทพย์มา คุณจะเล่นหุ้น เจ็ดวันคุณมาเล่นหุ้นแล้ว แล้วคุณก็เออ ก็ได้ ทุกคนส่วนมากเล่นหุ้นแรกๆ มักจะได้ แล้วก็จะตามเพื่อน สุดท้ายเพื่อนที่อยู่มาสิบปีก็มีผิดเหมือนกัน ผิดเพราะรู้ไม่จริง
เทคนิเคิลไม่เคยหลอก
ผม อยู่มาประมาณยี่สิบปี เทคนิเคิลไม่เคยหลอก ผมขอยืนยัน ถ้าคุณเก่งจริง เทคนิคไม่เคยหลอกเพียงแต่เราไม่รู้ ดังนั้นเราต้องเป็นมืออาชีพให้ได้ นี่คือข้อที่ 1
รายย่อยได้เปรียบรายใหญ่
ข้อที่ 2 นักเล่นหุ้นทุกคนล้วยเคยเป็นรายย่อยมาหมด เมื่อก่อนผมก็เป็นรายย่อย หลายคนบอกว่ารายใหญ่ได้เปรียบ มันไม่ใช่เลย รายย่อยต่างหากที่ได้ เปรียบเพราะว่าคุณซื้อหนึ่งครั้งคุณเต็มพอร์ต คุณขายหนึ่งครั้งหมดพอร์ต
แต่ถ้ารายใหญ่หลายร้อยล้านหุ้น จะขายยังไงดังนั้นรายย่อยจึงได้เปรียบรายใหญ่มากๆ
ทำธุรกิจยากกว่าเล่นหุ้น
อย่าง ที่บ้านทำโรงงานเล่นหมี่ พ่อสามารถส่งไปยังลูกนี่คือธุรกิจ ธุรกิจสามารถส่งต่อได้ พี่ชายเป็นหมอ หลานอีกคนเป็นหมอก็ต้องเรียนปีหนึ่งใหม่ อีกอยู่ดี ดังนั้นการทำธุรกิจยากกว่าตลาดหุ้นมาก ตลาดหุ้นถ้าอยากจะเลิกก็เลิก อยากจะไปก็ไปหันหลังพรึบสามช่องก็ออกได้แล้ว
เล่นหุ้นต้องเป็นยาม
ดัง นั้นการเล่นหุ้นเราต้องรู้ให้จริง ต้องมีการวางแผน เราต้องรู้ตัวว่าจะทำอะไร เราต้องเตรียมตัวไว้ก่อน เปรียบเสมือนกับการเฝ้ายาม คุณต้องใจ เย็นๆ ต้องนิ่งๆ ต้องเป็นยาม
คว้าดาวเด่น
ถ้า ตรงนี้ใช่ทางของเราๆ ก็เล่น ถ้าไม่ใช่ทางของเรา เราก็ไม่เล่น แต่ระรอบของมันจะมีดาวเด่นอยู่ คุณต้องคว้าให้เจอ คุณต้องหาให้เจอ รอบที่ผ่นามา  เช่น atc จาก 3 บาท เป็น 75 บาท บางคนซื้ออ 3 ขาย 3.5 แพ้ชนะกันที่เฉียดรวย
เทคนิค + พื้นฐาน
ใช้ เทคนิคเป็นจุดซื้อขาย แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องดูพื้นฐาน เปรียบเสมือนกับคุณขึ้นรถเมล์ คุณจะไปสะพานตากสิน คุณกลัวร้อนเลยนั่งรอในรถ รถ สตาร์ตเครื่องแล้วแต่ไม่ออก บรื้นๆ อยู่นั่นแหละ จังหวะมันผิด อ้าวคันข้างๆ ออกไปแล้ว กระเป๋ารถเมล์มาเขย่ากระป๋องสามที โชเฟอร์เบิ้ลเครื่องอีกสอง ที ไอ้เราก็นั่งรอ ไม่ใช่คันนี้อีกแล้ว เราเปลี่ยนดีกว่า ไปนั่งคันที่ออก ทุกคนโดนมาหมด มันจึงต้องใช้เทคนิค เทคนิเคิลไม่เคยหลอก ปฏิวัติเนี่ยะนะ เทคนิคเคิลก็ยังรู้เลย แต่ก็รู้แค่เล็กๆ เพราะว่าอะไรนะรึ เพราะว่าผมจะปฏิวัติ ผมก็ต้องไปบอกญาติ บอกเพื่อนบอกแฟน เพราะก่อนหน้านี้ก็มีคนโทร มาบอกว่ามันจะไม่ดีนะ แต่บอกก่อนล่วงหน้าตั้งสิบวัน เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้เทคนิคอล เทคนิคอลช่วยกำหนดการซื้อให้เราได้ แล้วดูหุ้นที่พื้นฐาน ตอนขายเทคนิเคิลไม่เคยหลอกอีกเหมือนกัน
ไม่มีใครถูกเสมอและผิดตลอดไป
จาก ทั้งหมดนี้ ถ้าเราดูอย่างวิเคราะ คุณสมพงษ์บอกซื้อ คุณหมอบอกรออีกหน่อย ไม่มีใครถูกใครผิด เพราะมันวัดผลกันยาวๆ อย่างคุณสมพงษ์ บุคลิคเป็นคนจิตใจดี แตงโมบอกผมไปทำแมนชั่นดีกว่า นี่คือบุคลิคของคน
ดังนั้นคุณต้องถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณเป็นคนอย่างไร
คุณ สมพงษ์อดทน เค้าไปเยี่ยมชมบริษัท คุณทำแบบเขาได้หรือไม่ การมาพูดครั้งนี้คุณสมพงษ์เขีนยมายี่สิบหน้า เวลาเขามองหุ้นเขามองสามปีถึงสิบปี มองเน้นคุณค่า
แต่ กรณีอย่างผมเล่นเก็งกำไร สมมุติว่าตอนนี้เวลาประมาณตีสาม ยังไม่เช้า ก็ยังมีเวลาเลือกซื้อ อย่างใจเย็นๆ แล้วจะรู้ว่าตีห้าได้อย่างไร
มันยากมากที่จะรู้ ตอนแรกผมก็เล่นน้อยก่อน ไม่ใช่ว่าทุ่มสุดตัวแล้วปรากฏว่า อ้าว โดนนิ้วอีกแล้ว
ต้องดูเครื่องมือ ดูเทคนิค ถามผู้รู้
ตราบใดที่คนข้างๆ มีกำไร แสดงว่าตลาดดี ถ้าคนข้างๆ ขาดทุน ตลาดก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แต่ตอนนี้ปี50 ประมาณตีสาม ยังมีผีอยู่ ถ้าอย่างนั้นตีสามอย่าพึ่งจ่ายตลาดเยอะ
หุ้นเด่นในดวงใจ
ทุกคนเล่นหุ้น ต้องมีหุ้นในดวงใจให้ได้ก่อน วันไหนที่คุณมีหุ้นในดวงใจคุณจะนิ่ง เหมือนเช่นเดียวกับคุณสมพงษ์
เขาจะสามารถ let profit run เยอะ เพราะทนได้ยาว เขาอึด วันไหนไม่มีหุ้นในดวงใจ รับประกันเลยว่าไม่มีทางรวยแน่ๆ
พอซื้อเสร็จเห็นขึ้นไปช่องสองช่อง เห็นว่าโดนทุบมาล้านนึง เสร็จเลย ขายซะแล้ว พอขึ้นมาอีกหน่อยก็ไม่กล้าซื้อ หรือไม่ก็ซื้อน้อยลง
ศึกษาเยอะๆ หาหุ้นในดวงใจให้เจอ
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
แล้ว แต่ว่าเราเป็นคนอย่างไร ถ้าอยากชนะต้องศึกษาและรอบรู้ ต้องมีเพื่อนเยอะ ดูว่าเขาศึกษาอย่างไร เราจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าโทษคนอื่น โทษตัวเราคนเดียว ใครทำอะไรย่อมได้สิ่งนั้น
ถ้าคุณเล่นหุ้นปั่น สักวันถ้าคุณไม่เลิกสุดท้ายก็หมดตัว เพราะจุดจบของหุ้นปั่นคือหมดอยู่แล้ว บางครั้งเรารอดเพราะเขาเอาปืนแก็บยิงเรา
แต่วันไหนเอาแหครอบที่เดียวเราโดนแน่ อย่าตามหลังมวลชน ศึกษาเยอะ ๆ อ่านเยอะๆ มีหนังสือเยอะเลยตามร้านหนังสือ
ของฝากนักลงทุน
อย่า ตามหลังมวลชน จุดที่มั่นใจที่สุดคือจุดที่อันตรายที่สุด จุดที่อันตรายที่สุดคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด อย่าคิดคนเดียวอย่าตอบคนเดียวอย่าเล่นหุ้นคนเดียว ถามเองตอบเอง เออเองจัดการด้วยตนเองหมด สุดท้ายก็ตายเอง เราทำอะไรไว้เราก็จะได้สิ่งนั้น

ตัวอย่างความสำเร็จและความล้มเหลวจากเพื่อนฝูง
คน ที่อายุเยอะแต่ไม่ยอมปรับตัว ประกอบอาชีพประสบความสำเร็จสุดท้ายล้มเหลวในหุ้น คนมีระเบียบวินัยมากศึกษาตลอดเวลามีความมั่นคง คนนี้เป็นนักแบตทีมชาติ เค้าก็ประสบความสำเร็จ อีกคนอ่อนน้อมถ่อมตน บริการคนตลอดเวลา ทุกคนรักไม่เคยเอาเปรียบเพื่อน คนนี้ก็ประสบความ สำเร็จ เพราะความเอื้อเฟื้อ จึงไม่มีคนไปหลอกอะไรเขา
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งเขาไม่เก่งอะไรเลย แต่เขาเป็นคนที่ทุกคนรัก ก็ประสบความสำเร็จได้ ตัวอย่างคนที่ไม่ประสบความสำเร็จก็คือ คนที่ตรงกันข้ามตลอด พอเราบอกแบบนี้ มันก็คิดว่าเอ๊ะ มันต้องเป็นแบบนั้นนะ เป็นคนที่ไม่คิดอะไรลึกๆ ชอบสวนชาวบ้าน
เพราะว่าเหรียญมีสองด้าน เลยพูดได้หมด ไม่เคยโทษตัวเอง เป็นเจ้าของฉายา รู้อย่างนี้ หรือ รู้อะไรไม่เท่ารู้อย่างนี้
ตอนแรกมีหลายสิบล้านตอนนี้เหลือไม่เยอะแล้ว

อีกคนทำการบ้านตลอด คอยเช็คพอร์ตคนอื่นตลอดเวลา แอบดูพอร์ตคนอื่นตลอด เวลาคุยกับมาร์ก็ถามเรื่องของคนอื่น
สุดท้ายต้องไปตีกอล์ฟคนเดียวไม่มีเพื่อน ไปกินข้าวกับมาร์ยังต้องหารกันเลย แต่เค้าก็ประสบความสำเร็จได้
อีกคนย้ำคิดย้ำทำเสียดายตลอดเวลา เป็นคนละเอียดไม่เอาเปรียบใคร สุดท้ายก็ประสบความสำเร็จ

ที่พูดมาทั้งหมดก็คือ มันมีช่องทางของแต่ละคน แล้วแต่เราจะเลือกทางไหน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคงไม่เกินความสามารถของพวกเรา
จะอยู่รอดต้องเป็นมืออาชีพ

 ******************************************************************


กูรูหุ้นพันล้าน
: ตอนที่ 1.ทางของเสือ
 วิชัย วชิรพงศ์
 "...เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า...เรื่องนี้เรื่องจริง"
 การเดินทาง...ย่อมมีปลายทางฉันใด ชีวิตก็ย่อมมีจุดหมายฉันนั้น
ตลอด 20 ปีของการเดินทาง บนเส้นทางที่เรียกว่า "ตลาดหลักทรัพย์" ที่เต็มไปด้วย "หลุมพราง" ของโอกาส
...กว่าจะก้าวมาเป็น "เซียนหุ้นพันล้าน" ชีวิตที่มาไกลเกินฝัน ระหว่างการเดินทางต้องผ่านพบอุปสรรคมานานัปการ
"วิชัย วชิรพงศ์" หรือที่รู้จักกันในวงการว่า "เสี่ยยักษ์" รู้ดีว่าระยะทางพิสูจน์ม้า...กาลเวลาพิสูจน์ฝีมือ (คน) ก็จริง
แต่ "ม้าแก่" ก็ใช่ว่าจะไม่มีวันโรยรา
แม้จะเชื่อว่าอยู่ในสนามรบนี้ต้องอาศัย "ฝีมือ" 70% "โชคชะตา" อีก 30% แต่ใครบ้างจะรู้ว่า ฤดูใบไม้ผลิแห่งโชคชะตา จะผลิบานได้ตลอดไป
"ถ้าคุณมี (เงิน) 2,000-3,000 ล้านบาท แล้วคุณจะเลิกมั้ย!"
เสียงสะท้อนนี้ก้องขึ้นเรื่อยๆ ในความคิดของ "นายพราน" ที่มีสัญชาตญาณของนักล่า มาอย่างโชกโชน
ด้วยเงินทุนเพียง 2 ล้านบาท วันนี้ "เสี่ยยักษ์" ประสบความสำเร็จในเส้นทางของ "เซียนหุ้นพันล้าน" ด้วยความภาคภูมิ
เพื่อนๆ รายใหญ่ต่างยกนิ้วให้ว่า เสี่ยยักษ์ ผู้นี้นี่แหละ "เสือ" ในวงการหุ้น ตัวจริง
หนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่รู้จักมักคุ้นกันดี "เสี่ยปู่" สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือแม้แต่ "หมอยง" ทพ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม ก็เติบโตมาในยุคไล่เลี่ยกัน
ในห้องขนาดกะทัดรัด ณ ห้องวีไอพี บนชั้น 21 ของตึกอาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ทำการโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ
เซียนหุ้นรายนี้ กวาดสายตาสำรวจความผิดปกติบนหน้าจอคอมพิวเตอร์กว่า 10 จอที่อยู่เบื้องหน้า โดยมีหลานชาย พ..นพ.วิเศษ วชิรพงศ์ แพทย์เชียงใหม่ รุ่นที่ 27 เป็นขุนศึกคู่กาย
ภายในห้องวีไอพี นอกจากจะเพียบพร้อมไปด้วย "ข้อมูล" ที่สามารถเคาะดูได้ตลอดเวลาแล้ว ทั้ง 2 ยังมีโทรศัพท์พื้นฐานข้างกาย อีกคนละ 3 เครื่อง มีเสียงดังกรี๊ง...กร้าง มาจาก "มาร์เก็ตติ้ง" คู่ใจเป็นระยะๆ...
"มันสู้แล้วโว้ย!" ต้นเสียงมาจากเสี่ยยักษ์ พูดกับหลานชาย หลังจากที่ทั้งคู่พยายามแหย่รังแตน ขอดูหน้าไพ่อาคันตุกะฝั่งตรงข้าม...
ไฟกะพริบแวบๆ สี "เขียว-แดง" บนหน้าจอ "2 อา-หลาน" จ้องตาเขม็ง พร้อมจะดวลปืนกับใครก็ตาม ที่เข้ามาเล่นหุ้น BLAND-W1 ของ "เสี่ยช้าง...อนันต์ กาญจนพาสน์" ขณะนั้นเป็นหุ้นที่เสี่ยยักษ์ กำลังหมายตา และเข้าไปเก็บมาแล้วล็อตใหญ่
"หุ้นตัวนี้มันเสือ (คุม)" เสี่ยยักษ์พูดขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งเข้าไปเก็บหุ้นปตท. (PTT) 2 แสนหุ้น กว่า 40 ล้านบาท มาหยกๆ
"แค่เล่นเก็งกำไรสนุกๆ...ไม่ได้หวังรวยอะไร" เสี่ยยักษ์ บ่ายหน้ามาบอก
"เล่นให้รวยต้องหา " หุ้นในดวงใจ "ให้เจอ"
ที่จริงแล้ว "นายพราน" และ "ผู้ช่วย" กำลังแสวงหากำไรจาก กฎ High Risk...High Return แสวงหาโอกาสจากความแปรปรวนของประสิทธิภาพตลาด
แต่กระนั้น วิชัย วชิรพงศ์ ก็ตระหนักว่า การตัดสินใจอะไรบ่อยๆ ย่อมพลาดท่าให้กับ "ความเสี่ยง" ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
"ผม อยากจะเลิกจริงๆ นะ ไม่ใช่แบบว่าเราสร้างภาพ จะเลิกเพราะคนเล่นหุ้นคนหนึ่ง เล่นหุ้นมาจากเงินน้อย แล้วประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เคยมีหุ้นระดับ 2-3 พันล้านบาท อาจจะกู้เล่นส่วนหนึ่ง เงินสดส่วนหนึ่ง เป็นคุณจะเลิกมั้ย ไม่เลิกก็เล่นน้อยลง เพราะที่ผ่านมาเป็นกำไรของเราทั้งหมดแล้ว" เสี่ยยักษ์ บอกเหตุผลที่อยากจะเลิกเล่นหุ้น
"...มันไม่ใช่กำไรแค่ร้อยเท่า คุณมีเงิน "พันล้าน" โตมาจากเงิน "2 ล้าน" มันโตเป็นพันเท่านะ"
แม้ฟืนท่อนเล็กๆ ยังก่อเป็นเพลิงกองโตได้ฉันใด วัวแม้จะตัวใหญ่ แต่ก็ทับเห็บตัวเล็กๆ ไม่ตาย
 เสี่ยยักษ์ให้กำลังใจ...อย่าคิดว่าคุณเสียเปรียบรายใหญ่ ทางรวยของคุณ "มี"
 ๐ ๐ ๐ ๐ ๐
 ใครจะเชื่อว่าจากความฝันเมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชีวิตนี้ขอมีเงินแค่ 3 แสนบาท มีรถยนต์โตโยต้าโคโรลล่า เก่าๆ สักคัน
"แค่นี้ชีวิตคงมีความสุขที่สุด..." เขาเล่าความฝันในวัยหนุ่ม
วันที่เสี่ยยักษ์มีเงิน 100 ล้านบาท เขาให้รางวัลชีวิตด้วยรถยนต์ Mercedes-Benz ราคาคันละกว่า 4 ล้านบาท
วันที่มีเงิน "พันล้าน" เขาตอบแทนความสำเร็จด้วยรถยนต์ "เฟอร์รารี่" สีแดงสด ราคา 22 ล้านบาท
ปัจจุบัน วิชัย เตรียมหันเหชีวิตนักเล่นหุ้น ไปเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีแผนจะพัฒนาที่ดิน 56 ไร่ ริมชาดหาดระยอง
"สุดท้ายของชีวิตมันคืออะไร...คนเราสุดท้ายคืออะไร...วันหนึ่งคนเรากินเต็มที่ก็แค่วันละร้อยกว่าบาท แต่มาถึงตรงนี้ไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว มันอยากเล่นเกมให้ชนะ" เขาบอก ก่อนที่จะโชว์รูปสมัยเด็กๆ ย้อนกลับไปเกือบ 50 ปีที่แล้ว ครั้งที่ยืนถ่ายกับรั้วบ้านสังกะสี ก่อนจะสื่อความว่า
"...คนบ้านนอกที่มีฐานะธรรมดาๆ ยังสามารถเล่นหุ้นรวยเป็นพันล้านได้ ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคน ก็มีโอกาสรวยระดับร้อยล้านได้ทุกคน...อย่าเพิ่งท้อ"
"เงินนี่มันแปลก เงิน 1 ล้านบาท คุณจะเพิ่มให้เป็น 2 ล้านบาท ช่วงนี้จะยากมาก แต่จาก 2 เพิ่มเป็น 4 เริ่มง่าย จาก 4 เพิ่มเป็น 8 ยิ่งง่ายกว่า จริงๆนะครับ นี่เรื่องจริง"
เซียนหุ้นพันล้าน เอื้อมมือไปหยิบ "บัญชีกำไรขาดทุน" ในลิ้นชักขึ้นมาโชว์ พร้อมเล่าถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของชีวิต ให้ฟังอีกว่า...
ช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ปี 2548 ผมได้กำไรมา 19 ล้านบาท
ถึงสิ้นเดือนมีนาคม (มกราคม - มีนาคม ปี 2548) กำไรโตขึ้นมาเป็น 120 ล้านบาท พอสิ้นเดือนมิถุนายน (มกราคม - มิถุนายน ปี 2548) กำไร 366 ล้านบาท
"ช่วงนั้นหุ้นปตท.มันขึ้นเยอะ" เขาเฉลย
เมื่อถามว่าตั้งแต่ เสี่ยยักษ์ เล่นหุ้นมา 20 ปี ได้กำไรหุ้นตัวไหนมากที่สุด
เขาตอบอย่างภาคภูมิใจว่า "กำไรหุ้น ปตท. (PTT) ตัวเดียวประมาณ 700 ล้านบาท"




No comments:

Post a Comment